央迈勇 ยางไม่หย่ง ชื่อนี้เป็นชื่อของเทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษา “ย่าติง” ที่อยู่ด้านในสุด และรอบๆ พื้นที่ของ ยางไม่หย่ง นั้น มีจุดหมายปลายทางสำหรับนักเดินทางสู่ย่าติงอีกสองสถานที่ นั่นก็คือ “牛奶海-ทะเลสาบน้ำนม” กับ “五色还-ทะเลสาบห้าสี่” เป็นเส้นชัยของนักเดินทางที่มุ่งมาสู่ “ย่าติง” เลยก็ว่าได้

จุดเริ่มต้นหลังจาก รถอุทยาน(เสียเงินเพิ่ม) มาส่งเรา ณ จุดออกเดินทาง ก็คือ “ทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวรั่วหลง” ตามชื่อเป๊ะๆเลยครับ มีไว้เลี้ยงดูปูเสื่อเหล่า จามรีหน้าขนของเรา บริเวณทุ่งหญ้า ณ เวลาต้นเดือน 11 นั้นก็ได้เปลี่ยนสีจาก เขียว เป็น เหลือง จากหญ้าอ่อนก็เปลี่ยนเป็นหญ้าแก่ (อย่าคิดลึกนะครับ) หญ้าเหลืองๆ แก่ๆ ดูแล้วสวยดี

ด้านหน้ามองเห็น “ยางไม่หย่ง” หันหลังกลับมาก็จะเห็น “เซี่ยนั่วตัวจี๋” มีเทพล้อมหน้าล้อมหลังเราเลยครับ
เมื่อเดินมาสักพักหนึ่ง แอดมินก็เริ่มมองเห็นเหล่า จามรี ที่แสนน่ารัก ทุ่งหญ้าบางจุด อาจมีบ่อน้ำที่เรามองไม่เห็นนะครับ เดินระมัดระวังด้วย ปกติท่ามีคนเลี้ยงวัวอยู่ เขาจะไม่ให้นักท่องเที่ยวลงมา กลัวลื่นล้มบาดเจ็บ หรือ จามรีวิ่งไล่
แต่แอดมินเป็นคนพื้นที่ ทุกที่(เป็นคนทุกที่ครับ) จึงค่อยๆดุ่มๆเข้าไปหาน้องจามรี
ปล.คือตัวผมเคยชินกับมันมาพอสมควรแล้วครับ
จามรีมีนิสัยชอบอาศัยรวมอยู่กันเป็นฝูง อย่าเข้าไปเล่นกับตัวที่อยู่เดี่ยวๆ มากก็พอครับ
และแล้วเมื่อถ่ายภาพจนพอใจ เราก็ได้ร่ำลาทุ่งหญ้าแห่งนี้เพื่อเดินทางมุ่งหน้าเข้าไปสู่ “ทะเลสาบน้ำนม”
เส้นทางมีป้ายบอกทางด้วยนะครับ “หินมันชี้ว่าขึ้นข้างบน” !!!!!
ภาพนี้เป็นเนินเขาแรกครับ ยังมีแรงกันอยู่ทุกคนครับ
***ในเรื่องของการเช่าลานั่งไปนะครับ ถ้าคิดว่าไม่ไหวขอแนะนำให้เช่าไปกลับจากจุดขึ้นลาด้านล่าง บริเวณทุ่งหญ้า ราคา : ไป-กลับ 500-600 หยวน ดีกว่าจะเดินขึ้นไปแล้วขากลับไปหาเอา เพราะจะโดนโก่งราคา กลับอย่างเดียว 500-600 หยวนได้ครับผม***
ณ จุดๆนี้จากภาพด้านบนนะครับ พี่อ้วนคนนี้ เขาเดินจนถึงทะเลสาบน้ำนม ทั้งๆที่ นน.พี่เขา 98 กก. แต่เพราะทุกๆคนที่มากับเขาบอกว่า คุณเดินไปไม่ถึงหลอก ส่วนอาเจ้เสื้อม่วงมากับลูกสาว ลูกสาวยอมแพ้ไปแล้ว อาเจ้แกเดินไปอีกนี๊ดเดียวก็เดินกลับแล้วครับ เรื่องแบบนี้ไม่อยู่ที่เหตุผลใดๆ นอกจากอยู่ที่ใจที่ไม่ยอมแพ้ครับ
ขอระบายนิดนึงครับ ทั้งสองภาพบนนี้ใช้เวลาถ่ายห่างกันหลายนาทีมากๆ ไอ้ตัวที่มันยืนอยู่ไม่ใช่แอดมินอยากถ่ายมันนะครับ มันไม่ไปไหนเลย ยึดที่กางมือแบบนี้อยู่ประมาณ 30 นาที (มีคนแบบนี้สังคมอยู่ยากนะครับ(=3=))
ความสูง ณ จุดที่แอดมินยืนอยู่ตลอดรายทางก็เกิน 4100 เมตร ลากยาวขึ้นไปถึง 4200 เลยครับ
ไอ้ตัวเดิม ขนาดเดินจากระยะไกลๆ ผ่านมันขึ้นไปสูงๆ มันก็ยังยืนแยกมือไม่เลิก สงสารเพื่อนมันจับใจ
พอเดินผ่านผาหินเมื่อตะกี้ไปแล้วระยะทางก็อีกราวๆ 800 เมตร แต่บอกเลยครับ ยิ่งเดินยิ่งสวย
จากภาพด้านบนนะครับ พอแอดมินหมุนหัวกลับไปมองด้านข้างๆเท่านั้นครับ ในใจนี่คิดเลยครับ
นึกเลยครับ “มาทำไมวะเนี่ย” *-* เหนื่อยโค้ดๆ มาดูทะเลสาปเนี่ยนะ แต่เอาเข้าจริงๆ พอกดชัตเตอร์มือถือปั้ป มาดูอีกรอบ เออแฮะก็สวยดี อย่าให้ความเหนื่อยมาทำลายอารมณ์เราสิ
คำเตือนสำหรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน “กรุณานำของกินติดใส่กระเป๋าให้มากเท่าที่เราจะทำได้” เพราะด้านในไม่มีของกินขายนะครับ
ยางไม่หย่ง แอดมิน ขอพูดว่าอย่าไปใส่ใจกับจุดหมายที่เราจะไปเยือน แต่อยากให้ใส่ใจกับบรรยากาศระหว่างการเดินทางมากกว่าครับ ยิ่งถ้าเราไปกับเพื่อนๆเรากลุ่มใหญ่ๆมันจะสนุกมากเลยทีเดียว
จุดนี้จะมีทางแยกที่เป็นเส้นทางเดินเข้าไปสู่ “ทะเลสาบห้าสี” โดยระยะทางตามป้ายคือ 500 เมตร แต่เป็น 500 เมตร ที่ไม่นับทางขึ้นเขานะครับ ต้องเดินผ่านเนินสุดโหด แอดมิน และ คณะยอมแพ้ มิใช่เพราะอะไร เพราะรองเท้าแตะแอดมินมันสั่นแล้วครับ ว่าจะไม่รอดกลับไป จงยอมซะถ้าไม่อยากเดินตีนเปล่ากลับบ้าน T-T ทริปนี้เลยไม่มีรูปทะเลสาบห้าสีนะครับ (ได้ยินว่าสวยเหมือนน้ำที่จิ่วไจ้โกว) ทุกๆคนเลยบอกงั้นไปจิ่วไจ้โกวอีกรอบเหอะ !
เนื่องด้วยแอดมิน วิ่งกลับอย่างไวและไม่มีที่นั่งรอที่กันลมหนาวได้ แอดมินจึงหลบมานั่งในทีสบายๆ จิบน้ำราคาโหดๆสักขวดให้ชื่นใจ
เวลาประมาณ 16.00 น. ทุกๆคนก็กลับมาถึงจุดขึ้นรถ
แต่อย่าคิดว่ามันจะจบเพียงเท่านี้นะครับสำหรับย่าติง หึหึหึ แอบหัวเราะอยู่ในใจ
ทุ่งหญ้าชงกู่-冲古草甸 เป็นทุ่งหญ้าบริเวณตีนเขาของวัดชงกู่ ซึ่งจะมีเหล่าจามรีอยู่ฝูง อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
เช้าวันที่ 5 ของการเดินทาง หรือ ก็คือ วันที่ 3 ในย่าติง ทุกๆคนก็ได้เก็บสัมภาระกันเสร็จเรียบร้อยพร้อมด้วย ร่างกายที่เหนื่อยล้า ขาสั่นดิ้กๆๆ แอดมินจึงทำเรื่องคืนห้อง แล้วทำเซอร์ไพร์ ว่าจะพาไปซ่อมในวันแรกที่พี่ๆ ไปไม่ถึง “เซี่ยนหน่ายรื่อ” กว่าจะหว่านล้อมให้ยอมไปซ่อมกันได้ก็เหนื่อยเลยครัย ทำไงได้เวลามันเหลือนิ !
วันสุดท้ายในย่าติง อากาศไม่ดีแต่เช้าเลยครับ เพราะว่าอีกสองวันหิมะชุดใหญ่จะมาเยือนย่าติงแล้ว
ที่วัดชงกู่ ยังมีสิ่งดีๆที่เรียกว่า “ศรัทธา” หลงเหลืออยู่นะครับ ผู้เฒ่าผู้นี้ยังทำการเคารพธรรมชาติตลอดทาง
การชื่นชมความสวยงามของ “วัดชงกู่” ขอแค่ด้านนอกก็พอนะครับ อย่าไปรบกวนถึงด้านในเลย
ต้นไม้เปลี่ยนสีบริเวณวัดชงกู่มีทั้ง สีเหลือง สีแดง สีเขียว (นี่ไม่ได้เปลี่ยน)
และบริเวณข้างๆ วัดชงกู่ ก็ยังมีจามรีอีกหลายๆตัวเดินไปเดินมาด้วยนะครับ
ในวันสุดท้ายในย่าติง ที่พาพี่ๆมาซ่อม “เซียนหน่ายรื่อ” นั้น เจอจามรีออกมาเล่นด้วยเยอะแยะมากเลยครับ
และแล้ว “เซียนหน่ายรื่อ” ก็ปรากฏออกมาที่เบื้องหน้าเราแล้วครับ!
วันนี้ทำให้ทุกๆคนได้เข้าใจถึงคำว่า “เส้นขอบฟ้าที่หายไป” ได้เป็นอย่างดี =3=
สภาพอากาศแบบนี้ บ่งบอกว่าพายุหิมะได้ใกล้มาเยือนย่าติงแล้วครับ
ภาพที่เห็นจึงดูออกมาแบบแปลกๆครับ ด้านล่างชัดแจ๋วเลย ด้านบนมองไม่เห็นอะไรเลย
เนื่องจากในอุทยานไม่มีของกินขาย พวกเราทั้งหมดเลยตัดสินใจลงเขา โดยผ่านทางวัดชงกู่ ซึ่งเป็นทางลงที่สวยงามมากๆ
บริเวณทางเดินลงบนพื้นดินเป็นสีเหลืองเต็มพื้นตลอดทาง โครตฟินอะครับ
ขนาดเดือน 11 ใกล้ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ดอกไม้ก็ยังมีบานให้เห็นตลอดทาง
และแล้วเมื่อเวลาประมาณเที่ยง พวกเราทั้ง 5 คนก็กลับไปขึ้นรถเพื่อลงไปเอาสัมภาระที่ จุดจอดรถหมายเลข 2 แต่บริเวณนี้จะขึ้นรถออกไปหมู่บ้านแชงกรีล่าลำบากหน่อย เพราะต้องแจ้งพนักงาน ให้เขาบอกรถด้านบนให้เหลือที่นั่งไว้ให้ที พอเราขึ้นรถได้แล้ว รถจะมาส่งถึงจุดขายตั๋วเลยครับ ตรงนี้จะมีรถให้เช่ากลับไปยังหมู่บ้านเต้าเฉิงอยู่มากมาย
เมืองเต้าเฉิงเป็นเมืองที่มีการปรับปรุงจากเมืองโทรมๆ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่าน ตัวเมืองมีขนาดเล็กเพราะประชากรน้อย รายได้หลักของเมืองนี้มาจากการท่องเที่ยวเป็นหลัก
ผู้คนในเมืองนี้ ถึงจะเป็นเมืองชนบทแต่น้ำใจของชาวเมืองต้องถือว่าดีงาม กว่าเมืองที่เจริญแล้วมากมายก่ายกอง
และแล้วคืนสุดท้ายในเต้าเฉิงย่าติงก็สิ้นสุดลง ในคืนวันพรุ่งนี้เราทุกคนก็จะได้นอนกันที่บ้านของพวกเรากันเองแล้ว
ในวันสุดท้ายของการเดินทาง เครื่องบินออกประมาณ 8.30 น. แอดมินัดรถมารับ เวลา 6.00 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ณ เวลา 5.57 ยังไม่เห็นแม้แต่เงารถ แต่พอเวลา 5.59 รถที่เช่าไว้สองคันมาพอดี ตรงเวลาโครตๆ ขณะเดินทางรถเราแซงรถชัตเติ้ลบัสแหลกลาญ จนได้แย่งชาวบ้านเช็คอินไม่ต้องต่อแถวยาวๆ ซำบายใจเหมือนเราชนะเจ้าถิ่นเป๊ะๆเลยครับ
ในสนามบินแห่งนี้มีจอหนังขนาดใหญ่เท่าโรงหนังให้ผู้โดยสารไปนั่งกินมาม่ากินไปดูไปด้วยครับ
การเดินทางในวันสุดท้ายนี้ เมื่อเราโดยสารเครื่องบินจาก เมืองเต้าเฉิง ไปถึง เมืองเฉิงตู เราก็เรียกรถไปส่งที่ สถานีรถไฟหลักแห่งเมืองเฉิงตู(成都站)โดยปลายทางจะเป็น เมืองฉงชิ่ง เพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบินสารการบินแอร์เอเซีย กลับ ดอนเมือง รวมๆระยะทางในการเดินทางวันนี้ 3200 กิโลเมตรครับผม
- รีวิว :: ทริปเต้าเฉิง-ย่าติง(2-7/11/2016) PART1:อารัมภบ่น (LOST HORIZON กับ ขอบฟ้าที่หายไป)
- รีวิว :: ทริปเต้าเฉิง-ย่าติง(2-7/11/2016) PART2:ตอนต้น (LOST HORIZON กับ ขอบฟ้าที่หายไป)
- รีวิว :: ทริปเต้าเฉิง-ย่าติง(2-7/11/2016) PART3:ตอนกลาง (LOST HORIZON กับ ขอบฟ้าที่หายไป)