满洲里 หม่านโจวหลี่ หรือ แมนจูเรีย เป็นเมืองหลักสุดท้ายบริเวณชายแดนของประเทศจีน ซึ่ง ติดกับจุดชายแดน 3 ประเทศ คือ มองโกเลีย จีน และ รัสเซีย เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศเลยก็ว่าได้ และ ชื่อก็คุ้นๆ หูเหมือนราชวงค์สุดท้ายของประเทศจีนเลยใช่ไหมครับ ไม่ต้องคิดมากครับ คนแถบนี้นั่นละครับ เมืองนี้สิ่งขึ้นชื่อก็น่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ในเวลากลางคืน ซะมากกว่าครับ
![]() |
![]() |
ซึ่งเมืองนี้คนแถบนี้เรียกว่า “เมืองสีทอง” เพราะช่วงเวลากลางคืนก็เปิดไฟสีเหลืองทอง จนถึงเวลา 24.00 น.เลยครับ

![]() |
![]() |
และในตัวเมืองจะมีสถาปัตยกรรม แบบผสมสองเชื้อชาติเข้าด้วยกัน

ในเช้าวันที่ 8 ของการเดินทาง เราออกจากหม่านโจวหลี่ และ มุ่งหน้าไปยัง “เมืองอาร์เอ่อซาน” ซึ่งกินระยะทางรวม 400 กม. ได้ และระหว่างทางก็จะผ่านทะเลสาบที่สวยที่สุดในดินแดนนี้ “ทะเลสาบฮูลัน” แต่ถ้าเทียบกับบ้านเราแล้วขอบอก บ้านเรากินขาด

ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำบ้านเราสวยมากกว่ามากมายเลยครับ



และในระหว่างเส้นทาง ก็ยังมี ร่องรอยแห่งศาสนาพุทธ ถึงแม้ว่าผู้คนแถบนี้ปัจจุบันจะนับถือศาสนาอิสลามกันไปเป็นส่วนใหญ่แล้วก็ตามที ซึ่งระหว่างทางเราก็แวะวัดพุทธ “วัดกานจูเอ่อ-甘珠尔寺” ซึ่งมีอายุมาประมาณ 150 ปีมาแล้ว




![]() |
![]() |
แล้วเราก็ต้องรีบไปต่อ ไม่อย่างนั้น เที่ยงคืนก็อาจจะยังไม่ถึงจุดหมาย

![]() |
![]() |
สีท้องฟ้ายามเย็นในแต่ละด้าน
และเมื่อถึง “เมืองอาร์เอ่อซาน” ก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว สถานที่ในเมืองนี้ที่ขึ้นชื่อก็คือ “สถานีรถไฟ” ที่ชาวญี่ปุ่นสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลก เพื่อยกทัพบุกเข้าไปในพื้นที่ไซบีเรีย แต่ว่าแพ้สงครามก่อน สถานีรถไฟจึงสร้างให้จีนฟรีๆ เลยครับ

ในวันที่ 9 ของการเดินทาง ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของทริปละครับ ซึ่งมีชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติอาร์เอ่อซาน” ซึ่งจัดขึ้นเป็น มรดกโลก ในปี 2017 ทางภูมิทัศน์ เพราะว่าเป็นเขตภูเขาไฟเก่าครับ


![]() |
![]() |
ก็จะมีแต่ธรรมชาติล้วนๆ นะครับ อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อนนะครับ




โดยการท่องเที่ยวที่อุทยานอาร์เอ่อซานแห่งนี้ ยังไม่ได้รับการจัดแจงให้ดีพอสมควร หลายๆ อย่างยังมั่วอยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเที่ยวกันแบบ สะเปะสะปะ

![]() |
![]() |
โดยรวมๆ แล้วอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ยังสดใหม่มากครับ แต่การเดินทางมาสถานที่แห่งนี้ก็เหนื่อยสุดๆ นะครับไม่สะดวกเอาซะเลย


![]() |
![]() |
ถ่ายไปเรื่อยๆ จนพระอาทิตย์ตกนั่นละครับ
ในวันที่ 10 ของการเดินทางนั้น ก็คือวันกลับที่เราจะเดินทางจาก “อาร์เอ่อซาน” มุ่งหน้าไปยัง “เมืองฮูลันบูเออร์” เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับไปยัง “เมืองฮาร์บิน” นะครับ


![]() |
![]() |
ระหว่างทางก็จะมีทะเลสาบที่สมัยก่อนเป็นปากปล่องภูเขาไฟมากมาย



![]() |
![]() |
บอยแบรน อีกแล้วววว
หลังจากนั้นช่วงบ่ายๆ เราก็ออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองฮูลันบูเออร์ กันอย่างเดียวเลยครับ โดยจะผ่านทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ แห่งสุดท้ายกันแล้วนะครับ



![]() |
![]() |
ม้วนกองหญ้าเหล่านี้ คือคนท้องที่จะต้องเก็บเอาไว้ใช้ในยามหน้าหนาวครับผม
โดยที่เมืองทางตอนเหนือแห่งนี้เราจะไม่ได้เห็นรูปปั้นของประธานเหมาเจ๋อตุงกันนะครับ จะมีแต่เจงกีสข่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งทุ่งหญ้าเท่านั้นเอง
วันที่ 11 ของการเดินทางก็คือการนั่งเครื่องบินอันแสนทรหด เพื่อกลับไปยังกรุงเทพ นั่งเครื่องรวม 8 ชม. ในวันนี้