ลาจากอู่หลงเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากๆ แต่เมื่อมีพบเจอก็ต้องจากลา และที่เสียใจที่สุดคือต้องเดินทางไปไปฉงชิ่งผ่านทางตั๋วรถไฟที่ได้ซื้อมาล่วงหน้ามันเป็นอะไรที่ไม่น่าพิศมัยเอาซะเลยกับ รถไฟสาย K192 อู่หลง – ฉงชิ่ง เพราะรถไฟสายปกติของประเทศจีนนั้นมันเป็นอะไรที่ Amazing มากครับเจอทุกรูปแบบ ทั้งควันบุหรี่ กลิ่นปาก น้ำลาย เหล้า เบียร์ ขยะ อื่นๆอีกมากมาย ทั้งๆ ที่เขาประกาศตลอดทางว่าอย่าทำแบบนั้นมันต่ำ แต่ก็เจอครับจุกเลย แต่ที่ประทับใจมากที่สุดก็คือ คนตรวจสัมภาระนางให้เราตรวจของเหลวโดยการให้เราดื่ม (คือมีพิษคนดื่มจะได้ตายผมนี่งงเลย) และรถไฟขบวนพิเศษตรงที่มันเป็นรถไฟสองชั้น O_o เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น และ เมื่อเราเดินทางมาถึงฉงชิ่ง วินาทีแรกที่ลงจากรถไฟเราก็พบปัญหาใหญ่เกือบที่สุดของทริปนี้แล้วครับ!

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและบนของฉงชิ่ง
สายรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดิน ซึ่งที่ฉงชิ่งในปี 2015 จะพัฒนาไปมากกว่าเฉิงตูเยอะครับ

จุดที่ 1. ก็คือสถานีรถไฟหลักของฉงชิ่ง และ จองที่พักไว้บริเวณนี้ครับ
จุดที่ 2. ก็คือ เฉาเทียนเหมิน (ประตูที่หันหน้าไปทางสวรรค์-朝天门) เป็นจุดชมสะพาน หรือ ล่องเรือบนแม่น้ำแยงซีเกียง
จุดที่ 3. สถานีหลินเจียงเหมิน (临江门) ตรงนี้จะมีถนนคนเดินช๊อปปิ้ง และ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อ “หงหยาต้ง-洪崖洞”

ครับพอลงจากรถไฟก็เป็นเวลาประมาณบ่าย 2 กว่าครับปรากฏว่าโปรแกรมดูแผนที่มันใช้ไม่ได้ไม่รู้สาเหตุ (ปล.ผมใช้โปรแกรมแผนที่ของจีนจะบอกหมดเลยครับว่าขึ้นอะไรบ้าง) แต่ยังดีว่าได้ปริ้นสถานที่ตั้งเอาไว้ในกระดาษจึงเดินหาเจอ และหลังจากเอาสัมภาระเก็บแล้วก็ขึ้นรถไฟฟ้าสถานีใกล้ๆเพื่อไปดูสะพานกับแม่น้ำแยงซีเกียงทันทีเลยครับ

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง

ช่วงที่มาถึงเวลาก็เกือบจะ หกโมงเย็น แล้วครับเริ่มจะมืดแล้วส่วนเรือที่เห็นก็คือเรือที่จอดรอผู้โดยสารในแต่ละคืนจะมีบริการนั่งเรือล่องชมวิว หรือ ท่องเที่ยวทางน้ำครับ

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง
เรือเฟอรี่หลากหลายรูปแบไว้บริการนักท่องเที่ยวเที่ยวชมสองฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียง

โดยส่วนตัววันนั้นกะว่าจะไปนั่งเรือชมสองฝั่งแม่น้ำ พร้อมกับรับประทานอาหาร

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ
ในเวลายามค่ำคืนสองตึกบริเวณสองฝั่งแม่น้ำจะเปิดไฟสีต่างๆ

พอยามค่ำแถบชายแม่น้ำจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่ในวันที่ผมไปนั้นปกติ 20.00 น.ควรจะออกเรือได้แล้ว แต่คนน้อยเขายังไม่ออกเรือ ผมเลยไม่ซื้อตั๋วเพราะกลัวจะกลับที่พักไม่ทัน กลัวรถไฟฟ้าหมดครับ

จึงได้เดินลัดเลาะลงไปเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ถนนที่ฉงชิ่งจะซับซ้อนนิดหน่อยครับเพราะเมืองเขาตั้งอยู่บนภูเขาฉะนั้นถนนแต่ละเส้นจะมีสูงต่ำชัดเจนมากมาย ถ้าจำทางไม่ได้ไปทางไหนกลับทางนั้นนะครับ เพราะทางไม่เชื่อมกันเหมือนเมืองใหญ่ของจีนเมืองอื่นๆ

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ

เนื่องจากไม่ได้นั่งเรือชมสองฝั่งแม่น้ำแล้ว เวลาเราก็จะเหลือเยอะ เลยพาเดินชมเองเป็นระยะทางกว่า 5 กม.

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ
บริเวณใต้สะพานที่เราไปอยู่ด้านบนในรูปแรกจะเห็นว่ามีทางสำหรับรถไฟฟ้าอยู่ด้วย
ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ
พอเข้าไปใกล้ๆก็ยิ่งชัดเลยว่ารถไฟฟ้าวิ่งใต้สะพาน

ในตอนแรกคิดว่ารถใหญ่วิ่งแล้วสะพานสะเทือน ที่แท้ตอนเราอยู่ด้านบนสะพานแรงสะเทือนมาจากรถไฟฟ้าด้านล่างนี่เอง

ปัญหามักจะมาในตอนใกล้จะจบ คำพูดนี้มันเป็นจริงในทริปนี้ เมื่อขากลับจะใช้เส้นทางใหม่ไม่ย้อนทางเดิมเพราะไกลมาก และสะพานในตอนแรกก็อยู่บนหัวเราแล้ว แพ็คเกจอินเตอร์เน็ตหมดครับ งานเข้าดูแผนที่ไม่ได้ เอาวะก็แค่เดินขึ้นไปข้างบนก็ถึงแล้ว ในใจคิดแบบนี้ แหงนหน้ามองด้านบนเห็น โทลเวย์ของที่นี่ด้านล่างกับด้านบนมันเชื่อมกันเลย รออะไรอยู่ละ เดินขึ้นโทลเวย์เลย สักพักรถตำรวจมาจากไหนไม่รู้ วิ่งไล่ให้เราสองคนลองจากโทลเวย์ อุตส่าเกือบจะถึงแล้วด้วย จึงได้แต่เดินคลำทางตามทิศทางจากด้านล่างสู่ด้านบน แบบไม่รู้ชะตากรรมเพราะไม่อยากเดินกลับทางเก่า

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีเกียง ท่าเรือ

เดินจนได้ไปลอดอุโมงค์ใต้ดินแต่คราวนี้โชคดีหน่อยไม่เจอแก๊งหัวปิงปองมาไล่อีก ทำให้เดินทะลุถนนได้โดยไม่ต้องเดินอ้อม

เราเดินจนไปถึงใต้ถุนของตึกใหญ่ตึกหนึ่ง เห็นมีกลุ่มวัยรุ่นหลายๆกลุ่มไปรวมตัวสุมหัวกันเยอะเป็นเพิเศษ ก็คิดว่ามันจะตีกันซะและ เห็นบางกลุ่มเริ่มทะเลาะกัน เลยเดินขึ้นไปดูด้านบนว่าคือจุดๆไหน ที่ไหนได้กลายเป็น จุดท่องเที่ยวอีกจุดที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน ลักษณะสถานที่จะเป็นตึกสูง แต่ละชั้นจะมีสถานที่ช๊อปปิ้งที่ไม่เหมือนกัน เลยถามคนแถวนั้นว่าจะไปสถานีรถไฟฟ้าอย่างเลย เขาบอกให้ผ่านตึกๆนี้ขึ้นไปและหาทางออกเรา เพราะชั้นบนของตึกนี้ก็คือถนนอีกเส้นนึง ชื่อสถานที่นี้เรียกว่า “หงหยาต้าง-洪崖洞”

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง หงหยาต้ง 洪崖洞 重庆 ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง หงหยาต้ง 洪崖洞 重庆

ซ้าย :คือประตูทางเข้าด้านล่างของ หงหยาต้ง
ขวา :คือประตูทางเข้าจากถนนด้านบน ชั้นที่ 11

ขณะนั้นเป็นเวลาเกือนจะ 22.00 น.แล้ว เราก็ถามคนแถวนั้นต่อว่าไปสถานีรถไฟฟ้าไปทางไหน ผลที่ได้คือ ถามไป 10 คน มีชี้ไป 6 ทิศเลยครับ (คนจีนแม้ไม่รู้ว่าไปอย่างไรก็ต้องบอกว่าไปอย่างไรเดี๋ยวจะดูว่าโง่เขาเลยต้องมั่วๆไปครับ) เราจึงเดินทางที่คนชี้ไปเยอะที่สุดครับ 3 คนที่ชี้ เราก็รีบโกยละครับเผื่อหลงทางอีก จนเราเดินไปถึงอีกสถานที่หนึ่งที่ คนมาเดินช๊อปปิ้งกันเยอะมากครับ ถนนคนเดินกลางเมืองฉงชิ่ง ชื่อเรียกนี่ผมไม่รู้จริงๆ

ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง หงหยาต้ง 洪崖洞 重庆 ฉงชิ่ง มหานครฉงชิ่ง หงหยาต้ง 洪崖洞 重庆

ขณะนั้นเป็นเวลา 22.30 น.คนเริ่มจะกลับบ้านกันแล้ว 

จนสุดท้ายเราก็ได้เจอป้ายบอกทางไปสถานีรถไฟฟ้าครับ แอบดีใจไม่ต้องถามทางและ ปรากฏว่าเดินจนป้ายหาย หาไม่เจอ ถามอาตี๋สุดหล่อที่ขายของกินแถวนั้น เขาตั้งใจอธิบายดีมากๆเลยครับ มีเสน่ห์ดึงดูดเพศเดียวกันก็ดีแบบนี้แหละครับ เขาชี้ไปทางป้ายบอกทาง บอกเราว่าตรงนั้นๆ เราก็งงคิดว่ากวนตีนเราหรอ เลยขอบคุณและไปดู ปรากฏว่ามีทางลงไปใต้ดินครับ และ ใต้ดินมีทางไปสถานีรถไฟฟ้าจริงๆ พวกเราจึงกลับถึงที่พักก่อน เที่ยงคืน และอีกวันก็เดินทางกลับเฉิงตูครับผม


ภาคผนวก

-รูปภาพถ่ายมาน้อยมากๆ ขออภัยมาก่อนเลยครับ
-ค่าใช้จ่ายวันที่ 3-4 ค่าที่พักคนละ 80 หยวน ค่ารถไฟหัวจรวดกลับเฉิงตู 95 หยวน ที่เหลือเป็นค่ากินกับรถไฟฟ้า ทำให้ทริปนี้ค่าใช้จ่ายประมาน 700-800 หยวนครับ
-แพ็คเกจเน็ตที่จีนไม่ใช่ unlimited นะครับ
-ถนนในฉงชิ่งเป็นถนนที่สร้างสำหรับเมืองบนภูเขาครับ แต่ละเส้นไม่ได้เชื่อมต่อกันเหมือนถนนบ้านเรา