康定 เมืองคังติ้ง ถือเป็นเมืองทางผ่านที่เหล่านักเดินทางล้วนต้องมาแวะเวียน (ปัจจุบันมีท่ารถใหม่ที่ใหญ่กว่าสมัยก่อนเยอะมากเลยครับ) ใครจะไปลาลุงกา(สถาบันสงฆ์) ก็ต้องมาเปลี่ยนรถที่เมืองนี้ และที่สำคัญ ก่อนถึงเมืองในหุบเขาคังติ้ง แห่งนี้เรายังต้องผ่านภูเขาที่สูงมากแห่งหนึ่งนั่นก็คือ “เขาเจ๋อตัวซาน(折多山)” ซึ่งสูงกว่า 4000 เมตร และหิมะตกอยู่เป็นประจำ
ในเช้าวันที่เราจะลาจาก “เมืองเต้าเฉิง” แห่งนี้(หลายๆคนคงยังคิดถึงย่าติงอยู่เป็นแน่) พวกเราออกเดินทางกันตั้งแต่ 7.30 น. เพราะว่า เราไม่รู้ว่าระหว่างทางจะมีรถติดหรือถนนถูกปิดเพราะอุบัติเหตุหรือไม่ และ ที่สำคัญคือถ้าไปถึงเย็น ถนนบริเวณ “เจ๋อตัวซาน” ก่อนถึงคังติ้งจะไปได้ลำบากมากเพราะถนนโดนน้ำแข็งจับตัวจนลื่น วันนี้ทั้งวันกับวิวสวยๆ และระยะทางกว่า 400 กม. ก็ได้เริ่มออกเดินทางกันแล้ว

สิ่งแรกในวันนี้ที่ทำให้พวกเราประทับใจ


พื้นที่ราบสูงในบริเวณนี้ถูกปกคลุมด้วยสีขาว จนเกือบเวลาเที่ยงวัน



ในพื้นที่ก่อนที่จะถึง เมืองหลี่ถาง นั้นจะมีกลุ่มหมอกมาแบบมืดฟ้ามัวดินมาเลย

แต่พอเราถึงบริเวณเมืองหลี่ถางเท่านั้นหิมะพลันหายไปหมด เหลือแต่กลุ่มเมฆหมอกอันน่ากลัว

และเมื่อพวกเราได้เดินทางมาจนเลย “เนินเขาค่าจื่อลาซาน” แล้วนั้น ก็จะเป็นทางเดิมๆ แต่เมื่อเราก้าวข้ามซินตูเฉียว และได้ผ่านเส้นทางขากลับที่ตอนมาพวกเราไม่ได้มาทางเส้นนั้นแล้วก็จะพบกับบรรยากาศที่สุดแสนประทับใจก่อนที่เราจะเข้าพื้นที่ของคังติ้ง


และบริเวณนี้ก็คือจุดที่ไม่ห่างจาก “เขาเจ๋อตัวซาน” เท่าไหร่แล้ว



เมื่อเราผ่านจุดนี้ไปแล้วจุดด้านหน้าก็คือ “เนินเขาเจ๋อตัวซาน” ประตูสู่ “เมืองคังติ้ง”


ซึ่งบริเวณนี้คนท้องที่ก็เรียกรวมๆ ว่า “คังติ้งฉิงเกอ-康定情歌” บทเพลงแห่งความรักแห่งคังติ้ง

จุดถ่ายรูปสวยๆ คือจุดปลายของเส้นทาง และนับจากบริเวณนี้ไปเราก็จะไม่ได้สัมผัสกับความสูงเกิน 4000 เมตรกันแล้วนะครับ

![]() |
![]() |
ทางเดินขึ้นนั้นลื่นจนแทบต้องคลานขึ้นไป




บริเวณตัวเมืองคังติ้งซึ่งเป็นเมืองใหม่ แอดมินก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกขออภัยมากๆครับ
ในการเดินทางช่วงสุดท้ายของทริปนี้ จะเป็นช่วงการเดินทางจาก “เมืองคังติ้ง” ไป “เมืองเฉิงตู” โดยเราจะผ่าน สะพานหลู่ติ้ง แห่ง เมืองหลู่ติ้ง ซึ่งสะพานนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสะพานฮ่องเต้ เนื่องจากเป็นสะพานแขวนเหล็กแห่งแรกของประเทศจีนซึ่ง ฮ่องเต้คังซี ทรงโปรดให้สร้าง และ ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน “เหมาเจ๋อตุง” ก็เคยเดินทางมาเดินข้ามสะพานแห่งนี้ (ปัจจุบันที่เปิดให้คนเดินเข้าชมเป็นของก๊อปเกรดเอจ๊ะ ของแท้ปิดไม่ให้เข้านะจ๊ะ)

สดถูกเหมือนได้ฟรี แต่ปลอดสารพิษไหม ไม่รู้นะ!




เมื่อเราจากลาจุดนี้ไปเมืองก่อนเข้าเฉิงตูที่เราจะแวะไปรับประทานอาหารกลางวันกันก็จะเป็นเมืองหย่าอันครับ

หลังจากที่พวกเราได้เดินทางมาถึงยังเมืองเฉิงตูแล้ว สถานที่พักก็คือถนนใกล้ๆ กับถนนคนเดินหรือที่เรียกกันว่า “จิ๋นหลี่-锦鲤” ซึ่งมีทั้งของกินของขาย จุดถ่ายรูป และสุสานเล่าปี่ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ตำนานสามก๊กไปแล้ว ค่าเข้าก็ประมาณไม่เกิน 80 หยวน นะครับ อยู่ติดกับจิ๋นหลี่เลย

ของฝากยอดฮิตก็คงจะหนีไม่พ้นตุ๊กตากดเปลี่ยนหน้านะครับ



ของกินต่างๆ ราคาแรงมากครับ สมัยก่อนปลาหมึกไม้ละ 15 หยวน ตอนนี้เป็น 20 หยวนเข้าไปแล้ว

และด้านหลังจิ๋นหลี่จะเป็นสวนสาธารณะที่จะมีหลุมศพจอมพลที่มาประจำเมืองเฉิงตู และมีการจัดนิทรรศการตามฤดู




เราสามารถอ้อมไปออกอีกทางได้นะครับ ซึ่งจะเป็นบรรยากาศแบบสวนเดินเล่นแต่ก็สวยงามไปอีกแบบ


และในวันรุ่งขึ้นช่วงบ่ายๆ พวกเราก็เดินทางกลับจากเฉิงตู มายัง กรุงเทพกันแล้วครับ บ๊ายบายเสฉวน !!!
- รีวิว :: ทริปย่าติงครั้งที่2(20-29/10/2017)ตอนที่1:โลกสีขาวที่ภูเขาสี่ดรุณี(四姑娘山)-ค่ายทิเบตเมืองตันปา(甲居藏寨丹巴)
- รีวิว :: ทริปย่าติงครั้งที่2(20-29/10/2017)ตอนที่2:เขตพื้นที่ราบสูงซินตูเฉียว(新都桥)-หลี่ถาง(理塘)-เต้าเฉิง(稻城)
- รีวิว :: ทริปย่าติงครั้งที่2(20-29/10/2017)ตอนที่3:ตามหาขอบฟ้าที่ย่าติง(亚丁)