ทริปเดินทาง

รีวิว :: ทริปยูนนาน(20-26/10/2015) Part6:ภูเขาหิมะมังกรหยก(玉龙雪山) – กรุงเทพ(曼谷)

ภูเขาหิมะมังกรหยก หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน ลี่เจียง มณฑลยูนนาน ท่องเที่ยวจีน 玉龙雪山 蓝月谷 丽江

玉龙雪山 ภูเขาหิมะมังกรหยก เป็นที่รู้จักบอกต่อเล่าขานมาตั้งแต่คนโบราณแล้ว ว่าเป็นที่รู้จักกันในนามของ ภูเขาหิมะเทพเจ้ามังกรหยก (The Holy Dragon Snow Mountain) มาตั้งแต่ต้นราชวงศ์ถัง แม้แต่ข้าราชการในสมัยราชวงศ์หยวนผู้ถูกย้ายจากภาคกลางของจีนให้มาประจำการที่มณฑลหยุนหนาน ก็ยังเคยเขียนบทกลอนเพื่อเป็นการสรรเสริญแก่ภูเขาลูกนี้รวมทั้ง ซู่ เซียเค่อ (Xu Xiake) นักเขียนและนักเดินทางชื่อดังสมัยราชวงศ์หมิงก็ยังได้กล่าวยกย่องภูเขาหิมะมังกรหยกในงานเขียนบันทึกการเดินทางมาถึงที่นี่ของเขา

ถ้าใครช่างสังเกตภาพในบทความที่แล้วช่วง สระน้ำมังกรดำ วิวด้านหลังจะมีภูเขามังกรหยกติดมาด้วยนะ!


ภูเขาหิมะมังกรหยก ยังอยู่ห่างจากเราอีกไกลเลยครับ กว่าจะไปถึงเราผ่านจุดถ่ายรูปเยอะครับ

ตั้งแต่วันก่อนหน้าคือวันที่ 24/10/2015 ผมก็ได้ถามความเห็นของสมาชิกทุกท่านว่า จะซื้อทัวร์ท้องถิ่นแบบไม่เอาแวะร้านขายของ หรือ จะให้ผมพาไปเอง โดยราคาทัวร์ รวมค่ารถไปกลับ ค่ากระป๋องอ๊อกซิเจน เสื้อหนาว ค่าเข้า ค่าอาหารกลางวัน ค่ากระเช้าขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก รวมอยู่ในนั้นแล้ว ราคาทั้งหมด 480 หยวน(ทัวร์หมกเม็ดไม่ยอมบอกว่ามีหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน บอกแค่ว่าพาไปแต่ค่ารถต้องออกกันเอง) สมาชิกทุกท่านบอกคำเดียวให้ผมพาไปจบ แพงกว่าเปล่าไม่รู้แต่สนุกกว่า (ในใจคิดเลย อั้ยยะ!เหนื่อยตูอีกและ) เช้าของวันที่ 25/10/2015 ณ เวลา 7.00น. พวกเราพร้อมกันมากเพราะวันนี้ต้องทำเวลาครับ มีเทศกาลไล่ควาย รถที่ผมเช่ามาได้รออยู่และ (เช่ามาราคาต่อวัน 300 หยวน) – (นั่งรถไปเอง ไป 20 หยวน กลับ 20 หยวน ขึ้นได้ที่ศูนย์อำนวยการท่องเที่ยว อยู่รอบๆเมืองมีหลายสถานีเลย) ระยะทางจากที่พักไปถึงปากทางเข้าประมาณ 30 กม.จ๊ะ ก่อนอื่นเราให้รถเราแวะไปซื้อกระป๋องอ๊อกซิเจนก่อนครับเพื่อความปลอดภัย แพงมากแต่ยอมซื้อมาตกสองคนต่อกระป๋อง/กระป๋องละ 100 หยวน พอจะถึงจุดขายบัตรผ่านประตูจะมีจุดถ่ายรูปที่ระดับความสูงน้ำทะเล 3100 เมตร มีชื่อเรียกว่า กานไห่จื่อ(甘海子)ก็เตรียมควักกระเป๋ากันได้และครับ  150 หยวน ตั๋วรวมค่าเข้าภูเขาหิมะมังกรหยก และ  หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินแล้ว แต่ไม่รวมค่ากระเช้าขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยกครับ (ถ้าเก่งเดินขึ้นเองได้ครับ)

กานไห่จื่อ สถานที่ก่อนที่จะถึงจุดขายตั๋ว เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตอีกจุดหนึ่งเลย

พวกเรากระโดดได้สูงกว่าภูเขาหิมะอีกแหน่ะ!!!

เกือบลืมบอกไปว่า ก่อนเข้ามา ณ จุดนี้ต้องไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้ากันก่อนนะครับ 180 หยวน คนต่อเยอะมากๆ บางคนมันเป็นทัวร์ซื้อที 50 ใบ ตั๋วจะเขียนเวลาขึ้นกระเช้าล่วงหน้าไว้เลย เหมือนบังคับกลายๆ ว่าต้องซื้อไม่งั้นไม่ให้ต่อแถวขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไปภูเขาหิมะมังกรหยก (สายแข็งต้องยอมแล้วนะครับ)

พอเจอด่านขายบัตรผ่านประตู 150 หยวน พวกผมไปกัน 7 แต่จ่าย 6 เพราะรถเขียนที่นั่งว่า 6 อีกคนหลบครับนอนใต้ตูดเลย เดี๋ยวเจอจับ แต่คนขับเป็นคนท้องถิ่นเลยผ่านฉลุยจ๊ะ พอถึงจุดเปลี่ยนรถเป็นรถบัส ก็ต้องนั่งรอเวลากันล่ะครับ พอถึงเวลาทีมเราก็ประจัญบานลุยเบียด กะ เจ้าถิ่นละครับ เจ้าถิ่นที่มารยาทดีเขาจะตะโกนกันว่า เราอย่าแซงผู้อื่น แต่ก็จงอย่าให้ผู้อื่นมาแซงเราได้ ใครแซงเรา เราเหยียบมานนนน!ฉะนั้นเกี่ยวแขนกันเดินเรียงเจ็ดเลยครับปิดถนนแม่มเลย จนได้ขึ้นรถมุ่งหน้าไปสู่กระเช้านั่นละครับพี่น้อง!

และแล้วพวกเราก็ได้ขึ้นกระเช้ามากันและ มุ่งหน้าสู่ยอดเขากันเลยครับ แต่ช่วงเดือน 10 หิมะยังไม่เยอะเท่าไร ถ้าตั้งใจมาดูหิมะอย่างเดียว ไม่ได้ดูอะไรอย่างอื่น ผมขอแนะนำว่าให้มาช่วงปลายเดือน 12 ครับ

จุดนี้เป็นจุดที่สิ้นสุดระยะทางของกระเช้าแล้วครับ ที่เหลือต้องเดินขึ้นต่อไปเองประมาณ 500 เมตร แต่อากาศจะเบาบางมาก

ที่ระดับความสูง 4503 เมตร พี่ปุ้ย,ตุ๊ก,น้องวัน สามคนยอมแพ้ไปแล้วครับ เอากระป๋องไปนั่งดมกันพลางๆ รอคนที่เหลือเดินขึ้นไปแล้วครับ ข้างบนนี้ไม่ค่อยมีคนกล้ากระโดดกันเท่าไร

เมื่อมองลงไปด้านล่าง ระหว่างอยู่กลางทางแล้วครับ

เซลฟี่เบาๆ ระหว่างทางเดินขึ้น แรงเรายังเหลือเฟือครับ เดินสิบก้าวพักสิบวิ

และแล้วเราก็สามารถพิชิตระดับยอดสุดที่มีทางเดินให้เดินกันแล้วครับที่ระดับ 4680 เมตร คนไม่เยอะเท่าด้านล่างครับไม่ต้องฝ่าฝูงเจ้าถิ่นขึ้นไป

ระหว่างทางเดินลง เราก็พบเห็นแต่สังคมก้มหน้าครับ ก้มกันตลอดทางเลย

เราลงไปรับเพื่อนๆ เพื่อเตรียมตัวไปไล่ควายทำเวลากันต่อที่ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน

ชมวิวติดลมบนจนเวลาล่วงเลยเข้าไป บ่ายโมงครึ่งแล้ว เพราะเราต้องกลับถึงลี่เจียงกันให้ทันตอน 16.50น. ไม่งั้นกำหนดการเราอาจขาดเคลื่อนได้ 

月谷 หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน เป็นหุบเขาที่อยู่ติดด้านหลังของภูเขาหิมะมังกรหยก ซึ่งน้ำที่ไหลผ่านหุบเขานี้ คือน้ำที่ละลายจากน้ำแข็งบนยอดภูเขาลงมาจนมีความใส และ สีสันพิเศษเป็นสีฟ้า จนเมื่อมองพระจันทร์ บนสายน้ำนี้ในยามค่ำคืน จะเห็นพระจันทร์กลายเป็นสีน้ำเงิน และ ด้านบนเขาบริเวณนี้ จะมี หอชมจันทร์(望月楼)ซึ่งถ้าขึ้นกระเช้าไปด้านบนแล้วมองลงมาจะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามมาก แต่!ช่างน่าเสียดาย คณะของเราเวลาไม่พอ ขึ้นกระเช้าไม่ทัน เพราะราคาตั๋วค่ารถ 50 หยวน ตั๋วรถรวมกระเช้า 60 หยวน ไว้รอบหน้าละกันครับ (พอลงจากภูเขาหิมะมังกรหยกแล้วจะมีจุดรถสองจุดนะครับ จุดแรกกลับไปที่ศูนย์นักท่องเที่ยวแล้วกลับมาไม่ได้แล้ว จุดที่สองคือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน)

บริเวณธารน้ำชั้นบนสุด จะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่

หุบเขาพระจันสีน้ำเงินจะแบ่งเป็น สามส่วนด้วยกันครับ บน กลาง ล่าง

บริเวณด้านบน จะมีร่องแอ่งน้ำไหลลงมา เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามมากครับ
ด้านหลังของหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินก็คือภูเขาหิมะมังกรหยก

บริเวณตอนท้าย ของ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินช่วงบน

ด้านล่างของภาพนี้จะเป็นหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินช่วงกลาง จะเป็นน้ำตก
ช่วงกลางของหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน

บริเวณชั้นสองของหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงินจะมีป้ายขอพร ให้เราเขียนผูกได้ (เสียตังนะ) ตามความเชื่อของชนกลุ่มน้อยบริเวณนี้

บริเวณชั้นสุดท้าย ชั้นล่างสุดของหุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน จะเป็นส่วนที่เงียบสงบที่สุด 

บริเวณชั้นล่างสุดเรียกว่า “ทะลสาบกระจก” 镜潭糊

และเราชาวคณะก็ต้องรีบวิ่งไล่ควายกลับลี่เจียงกันก่อนและครับ

หลังจากเรามาทางไหนกลับทางนั้น ก็ให้บรรดาสาวๆที่ อาบน้ำช้าที่สุด เข้าที่พักไปอาบน้ำก่อนเลย เพราะคืนนี้เราจะกลับคุนหมิงกันทางรถไฟละครับ ถึงต้องทำเวลากันขนาดนั้น รถไฟออกเวลา สามทุ่ม เข้าใจกันแล้วสินะครับ ว่าทำไมเราต้องรีบกันขนาดนั้น ต้องถึงสถานีรถไฟ ก่อนเวลา สองทุ่มตรง เพราะรถสาย K9614 ลี่เจียง —> คุนหมิง ออกเวลา 20.55 น.

กังหันน้ำ สถานที่ขึ้นชื่อแห่งเมืองโบราณต้าหลี่
สมัยก่อนยังไม่มี จุดแขวนป้ายขอพรกันนะครับ เปลี่ยนไปเยอะมาก

และแล้วเมื่อเวลา 19.00 น. รถที่เรานัดมารับเพื่อมุ่งหน้าไป สถานีรถไฟลี่เจียงก็มารับ เราเช่าสองคันครับรถตู้ คันละ 40 หยวน และ ในปี 2015 เป็นต้นไป เมืองลี่เจียงมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่เป็นเมืองจำลองเมืองโบราณ อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ เรียกว่า เชียนกู่ฉิง(千古情)ตำนานรักพันปี ด้านในจะมีการแสดงวัฒนธรรมพันปีของชนกลุ่มน้อยในดินแดนนี้ ค่าบัตรประมาณ 180 หยวนแต่เราซื้อจริงๆ ก็น่าจะไม่เกิน 120 หยวนล่ะครับ ซื้อกับพวกคนท้องถิ่นนั่นละครับ

ภายในสถานีรถไฟเมืองเล็กๆ แต่ดูใหญ่กว่าสถานีรถไฟที่ดีที่สุดของประเทศไทยอีกนะครับ
(สัม)ภาระกองโตๆ
ที่นอนชั้นพิเศษในคืนวันแรกและวันสุดท้าย

และเมื่อเวลา 5.00 น. ของวันที่ 26/10/2015 พวกเราก็เดินทางกลับมาถึงนครคุนหมิง โดยสวัสดิภาพ (ไม่สวัสดิภาพก็งานเข้าละครับ) จากนั้นเราเหมารถตู้มุ่งตรงไปที่สนามบินนานาชาติฉางซุ่ย กันทันทีเลยครับ 120 หยวนเอง รวมทางด่วนแล้ว คุ้มครับขากลับ

ยามเช้าที่สนามบิน

ขากลับเราโดยสารเครื่องบินของสายกินบิน แอร์เอเซีย เที่ยว FD583 คุนหมิง —> กรุงเทพ กันนะครับ

สุดท้ายนี้อยากฝากบอกว่า สถานที่ที่สวยงาม คือสถานที่ที่เราไปและมีความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นที่นั่น ทุกๆที่ที่มีความทรงจำดีๆ คือสถานที่ที่สวยงามครับ!


Exit mobile version