ทริปเดินทาง

รีวิว :: ทริปชิงไห่-กานซู่(13-21/4/2019)ตอนที่2 : ครึ่งหลังช่วงมณฑลกานซู่(甘肃省)

เล่าเรื่องหลังทริป, เล่าเรื่องต่างแดน, มณฑลกานซู่, ทะเลทรายหมิงซาซาน, ถ้ำมั่วเกา, ถ้ำพระตุนหวง, ตุนหวง, ด่านเจียอวี่กวน, ภูเขาสายรุ้งจางเย่, ปิงโกวตันเสีย, จางเย่, ท่องเที่ยวจีน, วัดหม่าถีซื่อ, ซีหนิง

甘肃 มณฑลกานซู่ เป็นมณฑลที่ดูจะแห้งแล้งเป็นพิเศษ ด้านบนเป็นทะเลทราย ตรงกลางเป็นดินแห้ง ปนทะเลทราย ด้านล่าง เป็นพื้นที่ราบสูง มีทุ่งหญ้า พืชเศรษฐกิจคือไม้เลื้อย แต่ที่พีคคือ สถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆ มีเยอะแยะ สมัยก่อนพุทธศาสนาก็แพร่หลายมากๆ แต่ว่าทริปเราแค่ ตอนบนของมณฑลถึง ตอนกลางของมณฑล ครับ


วันที่ 5 ของการเดินทางวันนี้ ทั้งวันเราก็หมกตัวกันอยู่ที่เมืองตุนหวงนะครับ เข้าค่ายดาราประมาณนั้น โดยตอนเช้าเราไปที่ถ้ำสมบัติ หรือ ถ้ำพระมั่วเกากันครับ สถานที่แห่งนี้งดถ่ายภาพ ฉะนั้นก็จะบรรยายเรื่อยเปื่อยยาวหน่อยนะครับ

มีภาพเดียวพอ บริเวณนี้ ที่เหลือฟังแอดมินบ่น

สาระล้วนๆ:ตุนหวงในสมัยก่อน (ราชวงศ์ฮั่น) ชาวจีนขยายดินแดนออกไปถึงทะเลทราย เจอเมืองนึง ปกครองโดยเผ่าซงหนู ราชสำนัก และ กองทัพก็เห็นว่า ชิงเชือดมันเลย เพราะมันต้องคิดมารุกราน เราแน่นอลลล ก็เลยไล่เชือดชาวซงหนู จนต้องทิ้งบ้านเมืองออกไปนอกด่านไกลขึ้นไปอีก บริเวณมณฑลซานซีปัจจุบัน  และ สร้างความแค้นยาวนานแก่ชาวนอกด่านจนถึงยุคสามก๊ก ตัดจบ ตัดมาตุนหวงต่อ เมืองกลางทะเลทรายแห่งนี้ จึงเป็นเมืองท่าที่เชื่อมตะวันตก กับ ตะวันออกเข้าด้วยกัน ผู้คนมาทำการค้าขายมากมาย ต่อมาชาวชมพูทวีปก็เดินทางมา จึงมีการเผยแพร่ศาสนาพุทธ จนผ่านมาอีกสัก พักใหญ่ๆ มีภิกษุรูปนึง เดินทางแสวงบุญมา (ชื่ออะไรจำไม่ได้แล้ว) เกิดนิมิตร องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า บอกว่าหยุดตรงนี้ละ ภิกษุรูปนั้นจึงไม่ไปที่ไหนอีก ขุดถ้ำแกะพุทธรูป พำนักปฏิบัติธรรม ต่อมาชาวเมืองที่ศรัทธาศาสนาพุทธ จึงแห่มาขุดถ้ำสร้างพระเต็มไปหมด จนติดเทรนบน ใครอยากสร้างพระขุดถ้ำต้องมาตรงนี้ ฮ่องเต้ซึ่งเป็นพุทธมามะกะ ทุกยุคก็สั่งช่างฝีมือมาสร้าง ใครอยากขึ้นสวรรค์ได้บุญเยอะก็สร้างเยอะ จนเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน ตรงนี้เลยกลายเป็นมรดกโลกครับ

สาระล้วนๆ ต่อเนื่อง: ในปัจจุบันที่เห็นสภาพดีแบบนี้ ก่อนหน้านี้เละเทะนะครับ ช่วงสงครามสมัยราชวงค์ชิง บริเวณนี้โดนปล่อยทิ้ง โดนทำลายสิ่งมีค่าแต่ละยุคสมัยโดยขโมยไปเยอะมาก หลายๆจุดโดนพายุทรายกลบฝัง ทีนี้ประมาณ ค.ศ.1920 ระเบิดลงตูมมมม จุดที่สูงที่สุดของสิ่งก่อสร้าง (ตึกที่มีพระองค์ใหญ่มโหฬารนั่นละ) โผล่ออกมาจากดิน คณะสำรวจเลยต้องเดินทางมาเลย หัวหน้าคณะสำรวจทำงานที่นี่จนเสียชีวิต ถือเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของคนเรียนเกี่ยวกับโบราณสถานและ โบราณวัตถุด้วยใจเลยครับ ทีนี้ การสำรวจและบูรณะ ก็ต้องใช้เงินใช่ไหมครับ ฉะนั้นหาเงินพร้อมบูรณะไปด้วยเลยดีกว่าไหม ทำให้นักท่องเที่ยวได้ยล สมบัติของโลกนะครับ โดยครั้งนึงเข้าไปก็จะชมได้ประมาณ 5-8 ห้อง ก็หมุนวนไปกันในแต่ละปี เพราะมีถ้ำเยอะมาก ยังไม่ได้บูรณะอีกมายครับ


ในช่วงบ่ายก็ทะเลทรายหน้าเมืองครับ ตรงนี้เป็นจุดปักหมุดอยู่แล้วครับ “ทะเลทรายหมิงซาซาน” ขี่อูฐกันเถอะ และช่วงเย็นๆ เหมือนพายุทะเลทรายจะซัดมานะครับ

ขี่อูฐ แต่ผมไม่ขี่กลัวเจ็บดาก
อูฐพยศ
ดอกซากุระ

โดยอีกไม่น่าเกิน 5 ปี น่าจะเห็นดอกไม้สวยๆ บานบนทะเลทรายกันนะครับ ส่วน ทะเลทรายจะเห็นบนแผ่นดินไทยแทน ฟังแล้วมันเศร้าว้อย!

ลอดช่อง !!!
ใครอยากคอสตูม จัดเต็มก็มาดิค้าบบบบ

วันที่ 6 วันแห่งการเดินทาง มุ่งหน้าจากตุนหวง ไปยังเมืองจางเย่ เมืองแห่งภูเขาสายรุ้ง หรือที่นักถ่ายรูปเรียกกันว่า “ภูเขาโฟโต้ช็อป” เนื่องจากสีสันบาดตา ระหว่างทางก็ต้องผ่าน กำแพงเมืองจีนด่านสุดท้าย ด่านเจียอวี่กวน นะครับ

ประตูกำแพง

โดยการสร้างจะสร้างตามแบบพิชัยสงคราม มีประตูหลอกดักเก็บข้าศึก คือ ประตูซ้อนประตู นะครับ

ซูม 50 เท่า 50X

ป้อมปราการ

และเราไปสิ้นสุดคืนนี้บริเวณหน้าทางเข้าอุทยานภูเขาสายรุ้งจางเย่กันนะครับ

โรงแรมที่พัก มีแกลลอรี่ซะด้วย

วันที่ 7 วันนี้จัดเต็ม ณ เมืองจางเย่ โดยภูเขาสายรุ้งจางเย่ จะมีประตูเข้าด้วยกัน 3 ประตู คือ ประตูเหนือ ประตูตะวันออก ประตูตะวันตก แอดมินเลือกพักตรงประตูเหนือ เหมาหมู่บ้านไว้หมดแล้ว ถนนคนเดิน หมาจะเดินยังไม่มีเลยครับ แต่มีคนขายชานม อันนี้พีค กินข้าวเช้าเสร็จ ก็นั่งรถเป็นระยะทาง 500 เมตรเพื่อเข้าไปเดินต่อ โดยจะมีจุดรถจอดทั้งหมด 4 จุด แนะนำว่าจุด 1 ข้ามๆไปเหอะครับ สีไม่สด จะสวยตั้งแต่จุด 2 ด้านในสุด(ย้ำว่าต้องปีนและเดินเข้าไป) ขี้เกียจเดินก็ไม่เจออะไรสวยงาม จุดที่ 3 ก็ปีนซะ ทั้งแถบเลย โครตสวย จุด 4 ใกล้ประตูเหนือ ก็สวย ยิ่งวันที่เข้าไป ฝนตก 1 วัน ในรอบ 20 วันหนาวสิครับ แต่ถือว่าโชคดี สีก็จะเข้มข้น สวยงามสุดๆ

สีชืดๆ แต่สวยกว่าครั้งแรกที่มาเพราะคนละช่วงเวลา ฝนตกมาช่วยอีก
สรรหาจุดถ่ายรูป

จุดไหนเป็นจุดไหนแอดมินก็จำไม่ได้และ ลงไปเรื่อยๆ

อันนี้น่าจะจุด 2
อันนี้จุด 2 หอยกาบ
สีสลับไปมาจัดว่างามแต้
สีตุ่นๆ คล้ำๆ

ช่วงที่ไม่ควรมาคือช่วงอากาศร้อนๆ ที่ทัวร์จัดมาบ่อยๆ เพราะมีโปรเป็นช่วงท่องเที่ยว จะเห็นแต่สีแดงๆ เพราะมันร้อนครับ

สีสดสัน จุดแวะ 3 และ 4 แน่นอน

ถ่ายมาเยอะพอตัว เอาลงแค่นี้พอและ

ปฏิมากรรมจากธรรมชาติ
ลงไปเรื่อยๆ
ย้อมเองจนสีสดเลยแฮะ
ก่อนไปยังสถานที่ใหม่ภาพสุดท้ายละครับ

ในช่วงบ่ายวันนี้ก็เป็นอีกจุดในเมืองจางเย่ ซึ่งคนไทยไม่น่าจะรู้จัก เรียกว่า “ปิงโกวตันเสีย-冰沟丹霞” ตันเสียที่สมัยก่อนเป็นธารน้ำแข็ง ซึ่งตันเสีย(เขาสีแดง) ในประเทศจีนมี 7 แห่ง อยู่เมืองจางเย่ ไปแล้ว 2 แห่งเลยครับ

ด้านในสุดครับ
ตั้งค่าแสงอีกแบบภาพที่ได้ก็อีกอารมณ์แล้วครับ
รู้สึกชอบวิวแบบนี้มาก
อีกภาพที่ค่าแสงเปลี่ยนไป

อุทยานแห่งนี้เราก็เหมาอีกแล้วครับ

ทางเดินโล่ง คนไปไหนหมดเนี่ย
จุดเด่นของสถานที่นี้ครับ ด้านในสุด
ยิ่งใหญ่มาก
คนไม่มีจริงๆ แม้แต่คนไทยก็ขี้เกียจเดินกัน แต่สายถึกต้องเดิน
นี่จุดแรกๆ ด้านหน้าครับ
ป้ายสถานที่สักหน่อย
หลังจากเหนื่อยมาทั้งวันก็ มาโรงแรมที่เมืองจางเย่ มีบ่อให้แช่น้ำด้วย

วันที่ 8 ของการเดินทางก็คือวันที่จะกลับมายังเมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่อีกครั้งนะครับ โดยเราจะผ่าน วัดที่สร้างบนผนังภูเขา ซึ่งสมัยก่อนแถบนี้เป็นดินแดนแห่งพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้ครับ โดยวันนี้แวะ “วัดเกือกม้า” กับ “วัดถ้ำพันพระ-千佛洞”

วิวระหว่างทางนะครับ ดีต่อใจ
บริเวณหน้าวัดจะมีวิวเทือกเขาฉีเหลียนซาน รอยต่อสองมณฑล
วัด วัด วัดวา

ซึ่งวัดบริเวณนี้อาจเรียกอีกชื่อว่าถ้ำพระก็ได้นะครับ
ห้องเรียนที่อยู่ต่างๆ อยู่ในถ้ำหมดเลย เย็นสบายสุดๆ

พระในถ้ำ
พระที่อนุญาติให้ถ่ายได้(มั้งครับ)
วัดถ้ำพันพระ

และเราก็มุ่งหน้ากลับซีหนิง พักที่โรงแรมโซฟีเทล และ ก็เดินทางกลับไทยรูปภาพไม่ลงแล้วพื้นที่ใกล้เต็ม ลาก่อยทุกท่าน ติดตามรูปภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ได้ที่รีวิวหน้านะครับ

Exit mobile version