ในเช้าของวันที่ 2 นั้นกว่าเราจะได้ออกก็ไม่อาจเรียกว่าเช้าได้แล้วครับ 9.30 น.เข้าไปและ เราพวกเราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องถึง อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากันก่อน 15.00 น. ระยะทางแค่ 100 กว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่รถของเรานั้นคือ Mirage งับ สู้ๆ นะเจ้าเปี๊ยก
วันนี้เราเริ่มต้นที่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไปจบที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากันนะครับ
และเมื่อเวลา 13.00 น. เราก็ได้มาถึง จ.พิษณุโลก อ.นครชัย เราเข้าอุทยานทางเส้นนครชัยครับ บางจุดถนนอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่วิวสวยมากๆครับ เมื่อเวลาประมาน 14.00 น. เราก็ได้เข้าไปถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้ากันแล้วครับ ค่าที่พักของอุทยานแค่ 500 บ้านต้องห้องครับ วันที่ 25/12/2015 คนไม่ค่อยเยอะเท่าไร สบายเราเลย
อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย อ.นครไทย จังหวัดพิษณุโลก และ อ.หล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 191,875 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2527 เป็นพื้นที่ที่ มีธรรมชาติแปลก และสวยงาม ทั้งยังเป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์เป็นยุทธภูมิ ที่สำคัญ อันเนื่องจากความขัดแย้งของลัทธิ และแนว ความคิดทางการเมือง อุทยานแห่งชาติ ภูหินร่องกล้าจึงเป็นอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่รักษาไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ ของการสู้รบและความสวยงามทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ลักษณะภูมิอากาศภูหินร่องกล้ามีลักษณะภูมิอากาศคล้าย ภูกระดึงและภูหลวง เนื่องจากมีความสูง ในระดับไล่เลี่ยกัน อากาศจะหนาวเย็นเกือบตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูหนาว อุณหภูมิ จะต่ำประมาณ 4 องศาเซลเซียส ฤดูร้อนอากาศจะเย็นสบาย ฝนตกชุกในฤดูฝน อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส
สถานที่แรกที่เราจะไปคือโรงเรียนการเมืองการทหารไปดูเมเปิ้ลเปลี่ยนสีสวยๆกัน
เอิ่ม…เปลี่ยนจากสีเขียวแก่เป็นสีเขียวธรรมดา เอิ่ม…เรามาเร็วไป เจอแต่ชาวเขา T-T
เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ ลานหินปุ่มละครับแต่วันนี้ เมฆมาซะครึ้มเลย
ลานหินปุ่ม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 4 กม. อยู่ริมหน้าผา ลักษณะลานหินซึ่ง มีหินผุดขึ้นมาเป็นปุ่มเป็นปมขนาดไล่เลี่ยกัน คาดว่า เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหิน ในอดีตบริเวณนี้ใช้เป็นที่พักฟื้นของคนไข้ของ โรงพยาบาล เนื่องจาก อยู่บนหน้าผา มีลมพัดเย็นสบาย
ระหว่างทางมีจุดให้แวะถ่ายรูปมากมายเลยครับ
ระหว่างทางเดินไปลานหินปุ่มนั้นจะมีหินทรงแปลกๆ มากมายเลยครับ
ก่อนที่จะไปต่อที่ลานหินแตก เราจะเดินผ่านผาชูธง รูปสุดท้ายนั่นคือผาชูธงนะครับด้านล่างข้อความทางขวา
ขณะนั้นเวลาใกล้จะ 18.00 น.แล้วชมวิวเพลินเลย เราก็ต้องรีบบึ่งไปลานหินแตก(ที่พักของเรา)เพื่อชมพระอาทิตย์ตก
ลานหินแตก อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร ลักษณะเป็นรอยหินที่มีรอยแตก เป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยกรอยแตกนี้ บางรอยก็มีขนาดแคบพอให้รากต้นหญ้าชอนไชไปได้เท่านั้น บางรอยกว้างพอคนก้าวข้ามได้ และบางรอยกว้างมากจนไม่สามารถกระโดดข้ามได้ ความลึกของร่องหินแตกเหล่านั้นไม่สามารถจะคะเนได้ ลักษณะเช่นนี้สันนิษฐานว่า อาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลก จึงทำให้พื้นหินนั้นแตกเป็นแนว นอกจากนี้บริเวณหินแตกยังปกคลุมไปด้วยมอส ไลเคนส์ ตะไคร่ เฟิร์น และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ
ปกติผมชอบบอกคนอื่นว่าหินมันแตกจากการโดนระเบิดตอนทำสงครามกับคอมมิวนิสต์ครับ ฮ่าฮ่าฮา!
และแล้วจนแล้วจนรอดเราก็ไปไม่ทันครับไว้ปีหน้าฟ้าใหม่เราค่อยแวะมาใหม่ก็ได้ครับ เมเปิ้ลเปลี่ยนสีจ๋าเรายังรอเธออยู่นะ
และแล้ววันที่ 2 ของการเดินทางก็สิ้นลง พอพระอาทิตย์ตกที่นี่ก็เงียบสงบ พวกเราได้แต่ปล่อยใจไปกับความสงบของธรรมชาติแล้วละครับ
- รีวิว :: เส้นทางที่ถูกลืม(24-26/12/2015) Part1:วัดม่วง-วัดพระนอนจักรสีห์-อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
- รีวิว :: เส้นทางที่ถูกลืม(24-26/12/2015) Part3:เขาค้อ-ทุ่งทานตะวันวัดเขาจีนแล