黄山 หวงซาน ราชาแห่งขุนเขา มีคำกล่าว “五岳归来不看山 黄山归来不看岳” ซึ่งใครกล่าวก็ไม่รู้ แปลว่า เยี่ยมชมห้าขุนเขากลับมาไม่คิดถึงภูเขา และเยี่ยมชมหวงซานกลับมาไม่สนใจห้าขุนเขา คือคำเยินยอ หรือ ความจริง ไม่อาจรู้ได้จนกว่าเราจะได้ไปชมด้วยตาตัวเองนะครับ
เข้าเรื่องเลยละกัน ทริปนี้ตั้งใจไปแบบเงียบๆ ชวนกันใครว่าก็ไปกันครับ เพราะจะไปสำรวจว่าเราจะไปทั้ง “หวงซาน และ ไท่ซาน” พร้อมกันเลยได้ไหมเอ่ย? คำตอบคือได้ ลำบากไหม? ถ้าจัดเต็มก็เหนื่อยลากเลือดละครับ
ส่วนวันที่เดินทางตัวผมเองก็จำไม่ได้ค่อยได้แล้วครับ แต่จำได้ว่าคือก่อนโควิดระบาดหนักในจีนก่อนตรุษจีนได้ประมาณ 1 อาทิตย์คนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
ซึ่งหลังจากเดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้ ก็ได้นัดกับพี่อีกท่านเจอกันที่สถานีรถไฟความไวสูงเลยครับ และ ตอนนี้รถไฟจาก “เซี่ยงไฮ้” มุ่งหน้า “เมืองหวงซาน” นั้นใช้เวลาสั้นลงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้นเอง
ซึ่งเป้าหมายของเราในอันดับแรกเลยก็คือ “หมู่บ้านหงชุน” หมู่บ้านที่ถูกจัดเป็นมรดกโลกไปซะแล้ว ซึ่งในตอนที่มาถึงนั้น เราก็เหมารถจากสถานีรถไฟมาได้เลยครับ
คำเตือน:จะเล่าเรื่องแบบไม่ค่อยมีสาระอะไรมากนะครับ จำไม่ค่อยได้แล้ว
หมู่บ้านหงชุน จะมีคนอาศัยอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกคือคนท้องถิ่น ที่อาศัยข้างใน และ บริเวณรอบๆ อีกประเภทคือคนต่างถิ่นที่ย้ายมาประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่พักนะครับ ภายนอกห้ามตกแต่ง แต่ภายในบางที่ รีโนเวท จนสวยเลยล่ะครับ มาพักกันได้ค่าที่พักหน้าหนาวไม่ค่อยแพง ประมาณ 250 หยวนก็เข้าไปพักได้ละครับ
แต่จุดหมายของผมในวันนี้คือเตรียมตัวขึ้นเขาหวงซานในวันถัดไป เราจึงมาแค่เยี่ยมชม แต่ก็มีเวลาเดินเล่นพอประมาณ ประกอบกับมาบ่อยแล้ว ชินแล้วครับ
ซึ่งหมู่บ้านหงชุนนั้น จะมีสามโซนใหญ่ๆ คือ คูน้ำรอบนอก คนนิยมมาถ่ายรูปตรงสะพาน จุดถัดมาคือ บ่อน้ำหน้าศาลด้านในตรงกลางหมู่บ้านจุดนี้ เป็นจุดไฮไลท์ ของสถานที่นี้เลยก็ว่าได้ครับ และ จุดสุดท้ายคือ ตรอกทางเดินหมู่บ้านรอบนอก บริเวณต้นไม้ใหญ่ๆ ที่ทางออกจุดด้านในสุด จะมีตรอกเล็กๆ ออกไปชานหมู่บ้านได้ ซึ่งถ้าเป็นช่วงเดือน 4 ที่ดอกน้ำมันเบ่งบาน ก็จะงดงามสุดๆ
ซึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชม ถ้ามาถึงหมู่บ้านหงชุนแห่งนี้ ก็คือ บ่อน้ำกลางหมู่บ้านนั่นละครับ การเดินไปก็หลงๆ ไปเดี๋ยวก็เจอเองครับ
และเราก็ต้องรีบกลับไปถึงตรงจุดทางขึ้นรถไปเขาหวงซานกัน ในวันนี้ตอนเย็นนั่นละครับทำเวลากันหน่อย
ในวันรุ่งขึ้น เราก็มุ่งหน้าขึ้นเขาหวงซาน กันเลยครับ โดยวางแผนขำๆ แบบนี้นะครับ เส้นทางหลักที่นักท่องเที่ยวใช้กันจะมี “หน้าเขา” และ “หลังเขา” ปัจจุบันมีกลางเขาทางขึ้นจากอีกหมู่บ้านเพิ่มเติมมาและ แต่ไม่ขอพูดถึง ขี้เกียจพิมพ์ครับ
อธิบายต่อละ “หน้าเขา” เราเรียกว่า “慈光阁-ฉือกวางเก๋อ”ตำหนักแสงแห่งเมตตา “หลังเขา” เราเรียกว่า “云谷寺-อวิ๋นกู่ซื่อ”วัดอวิ๋นกู่ การวางแผนก็ง่ายๆ ขึ้นทางลงทาง แค่นี้ก็เดินได้ครบละครับ มีแรงก็ปีน ไม่มีแรงก็ขึ้นกระเช้า วันแรกใครแรงดีก็เดินไปพักที่ จุดตรงกลางเขาได้เลย เรียกว่า “กวงหมิงติ่ง-光明顶” มีโรงแรมให้พัก
ส่วนการพักก่อนที่จะขึ้นเขาหวงซาน ผมเลือกตรง “หนานต้าเหมิน-南大门-ประตูใหญ่ทิศใต้” หรือที่เรียกกันขำๆ ว่า”เมืองทางโค่ว” อย่าเรียกเมืองเลย โครตเล็ก คนก็น้อยๆ แต่สะดวก มีKFC ใกล้ๆท่ารถ ท่ารถกับจุดขึ้นรถอุทยาน ติดกันเลยนะครับ รถเวียน จะมีสามป้าย จำไม่ได้แล้ว งดถาม แต่ผมอยู่โรงแรมที่ใกล้ๆจุดขึ้นรถขึ้นเขาหวงซานเลย
ก่อนขึ้นเขา หาเป้เล็กๆ สะพายขึ้นไป กระเป๋าสัมภาระ ก็เก็บไว้ที่โรงแรมฝากเขาไว้ ขาลงค่อยมารับ ทำตัวเนียนๆ ขึ้นเขาชิวๆ ส่วนตัวผมชอบขึ้นหลังเขา ไม่ได้ชอบเข้าทางข้างหลังนะครับ
โดยที่พักในวันแรก ผมเลือกบริเวณ “ซีไห่” โรงแรมแถวๆนี้เป็น 4-5 ดาวหมด ห้องพักถ้าไม่พีคมากก็คือละ 2500-4500 บาท รวมข้าวเช้า ถ้านอนอัดๆ กัน คิดเตียงละ 1000 บาทส้วมรวม มาเที่ยวจ่ายๆไปเหอะ ไม่ได้มาฝึกตน อยากประหยัดนอนอยู่บ้านครับ
ทางขึ้นของเรา จะผ่าน “ยอดสิงโต-狮子峰-สือจื่อเฟิง” ถ้าว่างก็ขึ้นๆไปดูนะครับ ส่วนพระอาทิตย์ตก ตรง “ซีไห่” จะเรียกว่า “丹霞峰-ตันเสียเฟิง-ยอดแสงละมุน” ก็ดูพระอาทิตย์ขึ้น และ ตกนี่เนอะ
วิวระหว่างทาง ก็จะเจออะไรต่างๆ ตะหง่านไปเรื่อยๆ
อาหารเย็นในโรงแรม ถ้าสั่งมากินก็ไม่คุ้ม ส่วนใหญ่จะกินบุฟเฟ่ต์ ตกหัวละ 750-800 บาท กินให้เต็มที่คิดซะว่า กินโออิชิบุฟเฟ่ต์ ละกันครับ กินให้ตายกันไปข้างเลย ถ้ากลัวแพงก็สามารถกินมาม่าได้นะครับ แต่อาจต้องแบกขึ้นมา โรงแรมไม่มีขาย
สมาชิกทริปอย่างเป็นทางการ
เรามาต่อกันในเรื่องการเดินทาง ซึ่งถ้าจะขึ้น “ตันเสียเฟิง” ก็ควรเผื่อเวลากันไว้ด้วยนะครับ สัก 1 ชั่วโมงกำลังดี ลมแรงเดินมืดๆ เอาไฟฉายไปด้วย มันหนาวมากๆ
ผ่าพิภพไททัน คนใหญ่แรงกว่านรก
หลังจากทำเรื่องเช็คอินกันเสร็จเรียบร้อย ประมาณ 16.30 น.ก็เตรียมตัวออกละครับเพราะ 17.45 น.พระอาทิตย์ก็ตกแล้วนะครับ หมอกเยอะ เมฆฝนตั้งเค้าเตรียมตกกันละ ทำใจกันโครตๆ แต่ในเมื่อมาแล้วก็เดินๆไปเหอะครับ
ยังไม่ทันไร เห็นพระจันทร์ล่ะ เมฆเยอะแบบนี้ ไม่ต้องคิดถึงดวงดาวเลยครับ ไม่น่าเจอ
ลูกโลกมหัศจรรย์นั่นละครับ จุดกึ่งกลางของเขาหวงซาน จุดที่เขาบอกว่าสูงที่สุดในเขาหวงซานแห่งนี้ไม่นับยอดต่างๆนะครับ
และในเช้าวันถัดมา จากกำหนดการเดิมคือเดินลัดเลาะไปตามทางเรียนขอบภูเขาชมวิวส่วนต่างๆ เช่น เส้นขอบฟ้า หลังเต่ามังกร ยอดกวงหมิง อื่นๆ อีกมากมาย แต่ๆๆๆๆ พายุเข้า พายุความแรงระดับ 6 เข้าจร้าาา งดใช้กระเช้าทั้งวัน คนลงวันนี้บอกเลยว่าซวย ส่วนตัวเรานั้นซวยมั้ย ก็ซวยจ้า ความหนาว -1 องศา ต้องเดินลุยฝนตกตลอดทาง พระเจ้าช่วย เดินลุยเลย 6 กม.เดินกันตายไปข้างนึง ตลอดทั้งวันคือเดินลุยฝนครับ
ต่อมาในวันสุดท้ายบนเขาหวงซานก็ยังโอเคครับกับวิวตอนเช้า วันนี้ที่พักเราอยู่ที่ “玉屏楼-อวี้ผิงโหลว” ซึ่งลักษณะเหมือน หมู่ม่านหมอกหิน สวยงาม จุดชมวิวขึ้นชื่อตรงนี้คือ “สนรับแขก” กับ “สนไล่แขก” เอ้ย “สนส่งแขก”
หวงซาน พระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุดก็ตอนหน้าหนาวนั่นละครับ เพราะหน้าหนาวคนน้อย ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป แต่วันนี้ก็ต้องรีบลงละ ทั้งๆ ที่ฝนหยุดตกซะละ
มุมนี้สวยดีมากๆ ครับ
อีกมุมนะครับ
หินเทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่ง “อวี้ผิงโหลว”
ส่วนเพิ่มเติม คำว่า “หวงซาน” ที่แปลว่า ภูเขาสีเหลืองนั้น ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะครับ เพราะตำนานพื้นบ้านในแถบละแวกนี้ คำว่า “หวงซาน” นั้น แปลว่า ภูเขาที่ฮ่องเต้ มาอาศัยอยู่ เพราะ มีฮ่องเต้ พระองค์หนึ่งอยากเป็นเซียน ไม่ตาย จึงเสาะหาวิธีทำให้ไม่ได้ และ ได้ยินคำบอกเล่าว่า ให้มาบำเพ็ญเพียรที่ภูเขาลูกนี้สิ พระองค์จึงมา และไม่ได้กลับไปอีกเลย (น่าจะตกเขาตายละมั้ง)
เป้าหมายในจุดต่อไป ของทริปนี้ก็คือ เขาไท่ซาน แห่งเมือง “ไท่หยวน” นะครับ โดยระหว่างทางต้องมีการเปลี่ยนรถไฟหัวกระสุนกันต่อนึง ในตอนนั้นเอง ไม่รู้เลยว่า โควิด-19 ได้เริ่มแพร่ระบาดซะละ แต่ก็ไม่มีอะไรมาก เราไม่ได้ไปอู่ฮั่นนิครับ เราไป “ซานตง”
泰山 ภูเขาขึ้นชื่ออีกลูกนึงของประเทศจีน ซึ่งจะปรากฏในคำพูดติดปากคำนึงของคนจีนว่า “人固有死,有的重于泰山,有的轻于鸿毛” ซึ่งมีคำแปลว่า ทุกคนล้วนต้องตาย แต่บางชีวิตยิ่งใหญ่กว่า ขุนเขาไท่ซาน บางคนไร้ค่าเสียยิ่งกว่าขนนก ซึ่งเมืองไท่อัน เป็นเมืองเล็กๆ แต่มีสถานที่ท่องเท่ียวขึ้นชื่อหลายแห่ง นอกจากเขาไท่ซานแล้ว ก็ยังคงมี สถานศึกษา หรือ วัดขงจื้อ อีกด้วย ถ้ามีเวลาต้องไป
วันที่เดินขึ้น ถนนเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้กระเช้าจะเปิดเมื่อไหร่ โดยปกติแล้ว เราจะเริ่มปีนจาก “中天门-จงเทียนเหมิน” ซึ่งตรงจุดนั้นต้องขึ้นรถจาก “天外村-เทียนไหว่ชุน” ไปได้ แต่รถขึ้นไม่ได้วันนั้น จึงเริ่มเดินเท้าจากจุดคลาสิค คือ “红门-หงเหมิน” ประตูแดง ซึ่งเป็นเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์ เพราะฮ่องเต้ในแต่ละยุคสมัยจะก่อนขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ ต้องมาทำพิธีเดินทางขึ้นเขาไท่ซาน ไปสักการะฟ้า เป็นเส้นที่มีความทรงจำจากอดีต ยาวนานมาถึงปัจจุบัน แต่ไม่ใช่แนวผมดิครับ
ประตูแดง “หงเหมิน”
กว่าจะเดินถึง “จงเทียนเหมิน” ก็แทบตาย เพราะถ้าจะเดินเท้าจนถึง “หนานเทียนเหมิน” ก็ ตีไปซะเดินขึ้นบันได 9000 ขั้นครับ นี่ครึ่งทาง 4500 ขั้นครับ
จากการขึ้นกระเช้ามารวดเดียวทำให้เราอดชื่นชม ขั้นบันไดปีนเขาที่เรียกกันว่า “สือปาฝาน-十八盘” จำง่ายๆ โค้งตรงบันได 18 โค้งนั่นละครับ แต่คนมาด้วยบอกดีละ ไม่อยากเดินขึ้นอีก 4500 ขั้น นรกแดกชัดๆ ครับ
ภาพซ้าย : คนกระเสือกกระสนขึ้นมา
ภาพขวา : เรามองวิวบน สบายๆจร้า
ภาพที่มองได้จากมุมที่เราลงจากกระเช้าครับ
หลังจากนั้น เราก็เดินทางไปอีกนิดนึง ก็จะมีถนนของกินที่ร้านปิดหมด หนาวเกิน ที่พักอยู่ตรงนั้นละครับ และ ตอนกลางคืนไม่มีน้ำอาบนะครับ ท่อส่งน้ำเป็นน้ำแข็ง ในใจคิด ตลกละ ที่พักมันจะโหดอะไรขนาดน้านนน
และจุดเดินทางต่อไปก็คือตั้งแต่บริเวณพื้นที่ส่วนบนทั้งหมด จะมีแยกย่อย แต่จะขอเรียกรวมๆ ว่า “เทียนเจีย-天街” ง่ายๆ ก็คือ ถนนสวรรค์ เดินมั่วๆ ตกเขาไปก็ลาก่อนละครับ
บันไดต่ออีก ร่างกายแทบสิ้นสภาพ
และต่อไปเราก็จะได้เดินไปจุดที่สูงที่สุดบนบริเวณเขาไท่ซาน จุดบวงศวร ไม่ใช่แนวทาง เลยไม่ได้ถ่ายอะไรมานะครับ โดยรวมเราสามารถเดินเป็นวงกลมได้เลยครับ ที่พักจะมีตลอดเส้นทางเลยครับ
และพระอาทิตย์ก็ตกค่ำคืนอันแสนยาวนานก็มาเยือน ในใจตั้งใจไว้ว่า เช้าแล้วกินข้าวเสร็จแล้วรีบกลับเลย หนาวเกิน แต่ว่า ความเป็นจริงน้ำแข็งไม่ละลาย ต้องรอน้ำแข็งละลายถึงลงได้ ก็เกือบไม่ทันรถไฟกลับไปเซี่ยงไฮ้ ซะล้าวว
อย่างกับเมืองลอยฟ้า
หลังจากกลับจากไท่ซาน เมืองไท่อัน เราไปแวะที่เซี่ยงไฮ้ แต่ไม่ได้อะไรมากนะครับ เที่ยวเล่นๆ ก็กลับไทยได้เลย ไม่ลงรายละเอียดอะไรมากนะครับ