เวลาตอนบ่ายๆ ของการเดินทางในวันที่ 2 จุดหมายต่อไปของเราก็คือ หาดทุ่งวัวแล่น จังหวัดชุมพร หาดทุ่งวัวแล่นเป็นหาดเล็กๆ แต่เล่นน้ำได้มีความใสสดงดงาม แต่ระยะทางจากเขาสกไปหาดก็กินระยะทางไปไม่ใช่น้อย พอพวกเราออกจากภูเขารูปหัวใจก็รีบบึ่งกันไปเลยครับ ออกมาตอน 13.00 น. กว่าจะถึงหาดทุ่งวัวแล่นก็ปาเข้าไป 16.00 น. เลยครับ

แผนที่ขากลับ
เส้นทางตอนขากลับ จะค่อยๆไล่สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นไปจนถึง กทม.ครับผม

และที่พักที่เราได้จองกันไว้นั้นก็คือ นานาบีชรีสอร์ท โดยจองเป็นห้องแฝดแบบรีสอร์ท ในราคาหลังละ 2800-2900 นอนได้ 4-6 คนนะครับ 

หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร
ภาพที่พักภายในห้องของห้องแฝด
หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร
หมีน้อยพักผ่อนอย่างมีความสุขกับเก้าอี้ตัวโปรดของตน
หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร

ห้องน้ำในที่พักมีทั้งแบบ INDOOR และ OUTDOOR เลยครับ ทั้งสองห้องล้วนมีห้องน้ำแบบนี้

หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร
ภาพจากด้านนอกจะเห็นได้ชัดว่าเป็นห้องแฝด
หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร

บรรยากาศสระว่ายน้ำของนานาบีชรีสอร์ท แต่ว่าต้องเตรียมชุดว่ายน้ำมานะครับ

หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร
สวนหญ้าด้านหน้าของรีสอร์ท ซึ่งถูกกั้นกลางกับหาดทุ่งวัวแล่นและทะเลแค่ถนนเล็กๆ เส้นเดียว
หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร
หาดทรายที่สะอาดสะอาด แทบจะไม่เจอสิ่งปฏิกูล(ขยะ) ตามหาดทรายของหาดทุ่งวัวแล่นเลย
หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร หาดทุ่งวัวแล่น นานาบีชรีสอร์ท ชุมพร

น้ำทะเลที่หาดทุ่งวัวแล่นนั้น แม้ในหน้ามรสุมก็ยังมีความใสถึงขนาดมองเห็นก้นน้ำในระดับความลึก 50 cm ได้อย่างสบายๆ เลยครับ

และแล้วก็ขอทามสคริป (ข้ามช่วงเวลา) ไปในการเดินทางวันสุดท้ายของเรากันเลยนะครับ ในวันสุดท้ายของการเดินทาง หลังจากรับประทานอาหารเช้าของทางรีสอร์ทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เวลา 9.00 น. เราก็ได้ออกเดินทางจากหาดทุ่งวัวแล่น เป้าหมายต่อไปของเรา วนอุทยานปราณบุรี ซึ่งที่นี่ก็มีทุ่งป่าโปร่งเหมือนกับทุ่งป่าโปร่งที่ขึ้นชื่อใน จ.ระยอง นะครับ แต่ที่นี่ต้องบอกว่าคนน้อยมากๆเลย กว่าเราจะมาถึง วนอุทยานกัน เวลาก็ปาเข้าไป 13.00 น.แล้วครับ อาหารกลางวันกินที่วนอุทยานปราณบุรีเลยครับ แต่จะบอกว่ามันไม่อร่อยเลย! ปล.ถ้าจะใช้บริการนั่งเรือชมป่าชายเลนนั้น ควรมาตอนเวลา 6.00 – 8.00 น. และ 16.00 – 18.00 น. นะครับ ถึงจะมีบริการนี้ ในที่นี้เรามาศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลนกันครับ

วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง

วันนั้นขณะที่ไปถึงนั้น วนอุทยานปราณบุรี ได้ถูกเมฆฝนปกคลุมครับทำให้สถานที่นี้มืดไปหมดเลย

วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง
ทุ่งโปร่งทองที่ขึ้นชื่อ ไปเที่ยวหัวหินอย่าลืมแวะไปกันนะครับ
วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง

ถ้ายิ่งได้นั่งเรือชมระบบนิเวศน์ของป่าชายเลน คงจะยิ่งประทับใจมากกว่านี้ครับ

วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง
น้องหมีนางเอกของทริปก็อยากมีส่วนร่วมกับเขาสักหน่อยเหมือนกันครับ
วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง
ภาพมุมกว้างจากแท่นถ่ายรูปที่ทางวนอุทยานปราณบุรีทำไว้ให้ขึ้นไปถ่ายกัน
วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง
พอวนหนึ่งรอบก็จะได้เห็นสภาพระบบนิเวศน์ของป่าโกงกาง ในช่วงที่ไปเวลานั้นคือช่วงน้ำลดครับ
วนอุทยานปราณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ทุ่งโปร่งทอง
มีสิ่งมีชีวิตอาศัยกันอยู่เต็มไปหมด แต่ที่เห็นได้ชัดก็น่าจะเป็นปู

สถานที่สุดท้ายของเราในทริปนี้ก็จะห่างจาก วนอุทยานปราณบุรี ไปไม่ไกลเท่าไร แค่ประมาน 20 กม. ก็คือ วัดห้วยมงคล ที่มีหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ตัวผมเคยไปมาสามสี่รอบได้แล้ว แต่ในครั้งนี้ที่มารู้สึกจะเสียความรู้สึกที่สุดเลยครับ เพราะวัดเหมือนจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเต็มรูปแบบไปแล้ว ถึงขนาดกับปล่อยให้แก๊งบิ๊กไบ๊ แว๊นไปถ่ายรูปหมู่ หน้าองค์หลวงพ่อ เฮ้อ ! แก๊งไหนไม่รู้แต่ทำความเสื่อมเสียให้คนขับบิ๊กไบ๊ดีๆมากมาย

หลวงปู่ทวด ประจวบคีรีขันธ์ วัดห้วยมงคล
องค์หลวงปู่ทวด มีขนาดที่ใหญ่มาก
หลวงปู่ทวด ประจวบคีรีขันธ์ วัดห้วยมงคล
เมื่อมองจากด้านข้างก็ยิ่งรู้สึกถึงความน่านับถือ

ก่อนกลับถึงกรุงเทพฯ เลยตลาดน้ำอัมพวาไปหน่อย จะมีร้านอาหาร เคียงน้ำ อยู่นั่นคือสถานที่สุดท้ายก่อนเราจะกลับบ้านกันครับ อาหารที่นี่อร่อยและไม่แพงเลย ใครอยากกินหอยหลอดที่นี่ก็มีหอยหลอดหลายเมนูเลยนะครับ สวัสดีจบแล้วครับ